ย้อนกลับไปเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน ตอนที่ผมได้มีโอกาสไปที่สวนรถไฟครั้งแรก ปกติผมเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมอะไรนอกบ้านเลย คงเป็นเหมือนกับเด็กวัยรุ่นไทยแทบทุกคนหล่ะมั้ง ที่ไม่สามารถใช้ชีวิตในสภาพอากาศที่หลอมละลายร่างกายของกรุงเทพได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องไปคือ "พลอย" ..และผมควรจะพูดชื่อพี่ป๋องด้วย เพื่อเป็นการทำให้เรื่องยาวกลายเป็นเรื่องสั้น ผมแอบชอบพลอย แต่พลอยแอบชอบพี่ป๋อง คลาสสิกรักสามเศร้า... ผมกับพี่ป๋องเรารู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนอยู่คณะสถาปัตฯ พี่ป๋องเป็นรุ่นพี่ของผมและเป็นคนที่มีบุคลิกที่เป็นผู้ใหญ่ ด้วยความที่แกเป็นคนสุขุม รอบคอบ ผมในถานะไอ้ตัวพูดมาก ทำให้แกมาตีซี้กับผม เรื่องของเรื่องก็คือ แกต้องการคนวิจารณ์ดีไซน์ที่แกออกแบบ อีกอย่างเกี่ยวกับพี่ป๋องที่ผมว่าทำให้พลอยชอบ(หรือใครหลายคนชอบ)คือฝีมือในการวาดรูปและออกแบบ ถึงในเรื่องจินตนาการ(และหน้าตา)แกจะสู้ผมไม่ได้ แต่พี่ป๋องเป็นอัจฉริยะในด้านการคำนวณและออกแบบ พลอยซึ่งรุ่นเดียวกับผม ตะลึงในความสุดยอดของแก
พลอยเป็นในผู้หญิงไม่กี่คนในคณะที่ผมว่าน่ารัก แน่นอนว่าทั้งโรงเรียนต้องมีคนน่ารักกว่าพลอยอีกเป็นหลายสิบคน แต่พลอยมีรอยยิ้มที่จริงใจที่ทำให้หนุ่มๆแทบทุกคนหลงเสน่ห์ แต่สิ่งที่ทำให้ผมชอบพลอยมากกว่าใครคือบุคลิกของเธอ พลอยเป็นคนขี้อายในสายเลือดแต่เธอจะกล้าแสดงออกในเรื่องที่ควรแสดงออก อย่างครั้งนึง ตอนที่มีคนมาจีบเธอแล้วพูดจาไม่ดีกับเธอ พลอยตะโกนด่ากลับด้วยคำที่ผมไม่เคยนึกว่าเธอจะกล้าพูด หรืออย่างครั้งที่ไปกินร้านอาหารแล้วการบริการห่วยแตก พลอยเป็นคนแรกที่ออกปากวิจารณ์อย่างดัง จนกลายเป็นเรื่องเป็นราว
ผมยังจำความรู้สึกที่นั้งอยู่บนรถตุ๊กตุ๊กระบบเครื่องสองเจโบได้ ผม พลอย และพี่ป๋องนั้งเกาะเสาด้วยความรู้สึกกังวลและร้อนอบอ้าว ผมจำได้ว่าเราไปกันตอนเวลาประมาณบ่ายโมง ผมจำไม่ได้ว่ามันเป็นไอเดียของใคร ใครเป็นคนนัดเวลาวะ? ระยะทางจากสวนจตุจักรมายังกำแพงเพชรเป็นระยะไม่ไกลมานัก แต่ด้วยความที่รถติดแต่หัววัน ทำให้ใช้เวลานานมาก แม้ว่าพี่คนขับเขาจะวิ่งเร็วแค่ไหน แต่ถ้ารถยังบินไม่ได้ แกก็จนปัญญาเหมือนกัน สิ่งแรกที่พวกเราทำตอนมาถึงคือหาน้ำดื่ม พี่ป๋องออกปากว่าจะเลี้ยงน้ำ ผมไม่ได้คัดค้านแต่พลอยเกรงใจ สุดท้ายลงเอยด้วยการที่ผมต้องเป็นคนซื้อหมูปิ้งกับข้าวเหนียว พลอยซื้อน้ำกับขนม และพี่ป๋องเช่าจักรยาน เราสามปั่นจักรยานด้วยความรื่นเริง ท่างกลางแสงแดดที่ใกล้จุดเดือด เราสามคนปั่นวนกันประมาณสามรอบแล้วหยุดพัก ทันทีที่เจอมุมร่ม เราสามคนจอดจักรยานแล้วพักกินข้างกลางวัน ผมยังจำได้ นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสไปปิกนิค ผมไม่ชอบปิกนิค แต่ผมชอบเวลาได้อยู่ใกล้ๆพลอย ให้ผมทำอะไรก็ยอม
วันๆนั้นทั้งวันเกือบจะจบลงด้วยความเบื่อหน่าย แต่...ตอนใกล้จะกลับ พลอยชวนผมและพี่ป๋องไปนั้งกินข้าวกันตรงร้านข้างทางและเธอก็สารภาพรัก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่กับผม แต่เป็นกับพี่ป๋อง ผมซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นเกือบจะกลายเป็นหิน ผมยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้แม่น ผมหันไปมองรถแท็กซี่ที่ขับผ่านไปผ่านมาคันแล้วคันเล่า ผมเกือบจะเดินออกไปแล้วโบกรถแท็กซี่กลับบ้านไปคนเดียว ผมแค่ไม่สามารถอยู่ในที่ตรงนั้นได้อีกแม้วินาที พี่ป๋องในทางกลับกัน นั้งนิ่งไปซักระยะทิ้งให้พลอยนั้งรอคำตอบอยู่ประมาณ15นาที แล้วพี่ป๋องก็พูดสิ่งที่ผมจำไปจนวันตายออกมา แกบอกว่า " พี่รู้มานานแล้วว่าพลอยแอบชอบพี่อยู่ แล้วไอ้กรณ์ก็แอบชอบพลอยอยู่ แล้วตัวพี่เองก็มีคนที่แอบชอบอยู่แล้วเหมือนกัน เราสามคนต่าง "แอบ"ความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ข้างใน วันนี้พี่เองก็ไม่อยากแอบมันไว้อีกต่อไปแล้ว พี่ขอพูดว่า พี่ไม่ได้ชอบพลอยและพี่ก็ไม่สามารถบังคับจิตใจของตัวเองได้ สถาปนิคอย่างเราออกแบบได้ทุกอย่าง แต่ความรักไม่ใช่ศิลปะ ความรักไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ความรักเป็นแค่พลังงานบริสุทธ์ที่เกิดขึ้นเองอย่างไม่มีการคำนวณมาก่อน ไม่มีทางที่จะคาดเดาและไม่มีทางที่จะควบคุม " ผมไม่รู้ว่าพลอยเข้าใจในสิ่งที่พี่ป๋องพูดแค่ไหน แต่ผมมึนตึบไปหมด พลอยร้องไห้ พี่ป๋องโบกแท็กซี่กลับบ้าน ผมโบกอีกคันไปส่งพลอย แล้วก็นั้งรถกลับบ้าน
หลังจากวันนั้นมา เราสามคนก็ไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนแต่ก่อน พลอยยังคงรอยยิ้มอันเดิมเอาไว้แต่ผมแอบเห็นความเศร้าที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของเธอ พี่ป๋องทำตัวปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ส่วนตัวผมเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างข้างใน ตอนแรกผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมหวนคิดถึงสวนรถไฟแทบตลอดเวลา หลังจากวันนั้นมา ถ้าวันไหนผมว่าง ผมจะแวะไปที่สวนรถไฟแทบทุกวัน ผมจะนั้งรถตุ๊กตุ๊ก ซื้อน้ำดื่ม ซื้อหมูปิ้ง ปั่นจักรยานสามรอบ แล้วก็แวะไปร้านข้างทางนั้นอีกครั้ง ทุกครั้งที่ผมไป ผมจะพยายามจำลองเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ผมอยากจะกลับไปรู้สึกมันอีก ผมอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อีกหกเดือนต่อมา พี่ป๋องจบการศึกษาด้วยเกียร์ตินิยมอันดับหนึ่ง และปีต่อมาผมกับพลอยก็จบตามออกไป และหลังจากนั้น พวกเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
No comments:
Post a Comment